
มีเงิน 50,000 ลงทุนอะไรดีให้เป็นเศรษฐีในวันข้างหน้า
ข่าวการลงทุน October 4, 2019, Comments Offสิ่งจำเป็นในการลงทุนที่ขาดไม่ได้เลยคือ “เงิน” ดังนั้นสำหรับคนที่เป็นนักลงทุนหน้าใหม่ จะต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเท่าไหร่ดีจึงจะเหมาะสม สมัยนี้การลงทุนเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ผู้คนเข้าใจความรู้ในการลงทุนมากกว่าเดิม ไม่จำเป็นจะต้องมีเงินลงทุนเป็นแสนเป็นล้านก็รวยได้ ขอเพียงแค่มีเงินซัก 50,000 ถือเป็นก้าวแรกที่จะเป็นบันไดที่จะช่วยพาไปสู่ความสำเร็จในวันข้างหน้า เราลองมาดูกันว่าเงินเท่านี้จะใช้ทำอะไรได้บ้าง
การลงทุนในตลาดหุ้น
หุ้นเป็นการลงทุนที่ได้กำไรสูงมาก โดยมีผลตอบแทนประมาณ 12% ต่อปี ในขณะที่เดียวมันก็มีความเสี่ยงสูงด้วย ทำให้การที่คนจะเดินทางสายนี้ควรมีความรู้อยู่พอสมควร เพื่อนำไปใช้ลดความเสี่ยงในการเลือกซื้อหุ้นที่ทำให้ขาดทุน การเล่นหุ้นหลักๆ มีอยู่ 2 ประเภท คือการซื้อขายแบบระยะสั้น และถือยาวเพื่อเก็บปันผล ที่จะให้ผลตอบแทนตั้งแต่ 0.1 – 10% ของราคาหุ้นที่เราเป็นเจ้าของ
โดยพื้นฐานแล้วกองทุนรวมอาจเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาความรู้ หรือไม่มีเวลาที่จะศึกษาเกี่ยวกับหุ้นและพันธบัตรของตนเอง หากคุณเป็นคนที่มีอุปสรรคเหล่านี้อยู่ การลงทุนในกองทันรวมถือเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าไม่คุณอาจะทำเงินได้เยอะกว่าเมื่อลงทุนด้วยตัวเอง
ซื้อทองคำลงทุนระยะยาว
ทองคำเป็นการลงทุนที่คืนผลกำไรให้กับเราได้ betflik เครดิตฟรี ถ้าเกิดเก็บเอาไว้ไม่ต่ำกว่า 5 ปี โดยเงินที่นำมาซื้อควรจะเป็นเงินเก็บสะสม หรือ “เงินเย็น” ไม่แนะนำสำหรับคนที่อยากได้กำไรแบบรวดเร็ว เพราะราคาทองค่อนข้างที่จะมั่นคง เหมาะสำหรับการเก็บลงทุนเก็งกำไรระยะยาว อาจจะเลือกซื้อแบบทองคำรูปพรรณ หรือถ้าไม่ชอบก็ซื้อแบบทองคำแท่งมาเอาไว้ก็ได้เช่นเดียวกัน เมื่อพูดถึงความเสี่ยงแล้ว ทองคำอยู่ในระดับกลางที่ให้ผลตอบแทนที่พอควร ด้วยความเสี่ยงที่ค่อนข้างต่ำ
ลงทุนในตราสารหนี้
เมื่อคุณตราสารหนี้ คุณจะให้เงินกับผู้ออกตราสารหนี้เพื่อแลกเปลี่ยนกับรายได้พร้อมดอกเบี้ย มีวิธีมากมายที่คุณสามารถทำได้ตั้งแต่การซื้อบัตรเงินฝาก การลงทุนในพันธบัตรบริษัท พันธบัตรเทศบาลปลอดภาษีและพันธบัตรออมทรัพย์ เช่นเดียวกับหุ้นหลักทรัพย์ตราสารหนี้มีจำนวนมากซึ่งสามารถซื้อผ่านบัญชีนายหน้า เมื่อเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ใหม่การลงทุนขั้นต่ำอาจแตกต่างกันไปโดยปกติจะอยู่ระหว่าง 10,000 ถึง 40,000 บาท อย่างไรก็ตามการลงทุนในตราสารหนี้ถือว่ามีความเสี่ยงไม่แพ้กับการเล่นหุ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น การผิดนัดชำระหนี้ ภาวะเงินเฟ้อ ฯลฯ